การบูรณะที่ส่งผลต่ออดีต

ความประทับใจในวัดใหญ่สุวรรณราม
อาจารย์ได้กล่าวถึงการเกิด personal space ใน public space อย่างในศาลาการเปรียญ ที่วัดใหญ่สุวรรณาราม



จากภาพหากเรานั่งเอนกายพิงที่ผนังระหว่างช่องหน้าต่าง พื้นที่ตรงนั้นเกิดเป็นความรู้สึกส่วนตัว เป็น personal space ขึ้นมา
เพราะอะไร ?
สังเกตจาก แสงที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างกระทบพื้นผิวภายในอาคาร การเกิดร่มเงาบริเวณนั้น ประกอบกับการถูกบังสายตาด้วยบานหน้าต่างที่ครอบทั้งสองด้าน ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นส่วนตัวได้ สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจและไม่เคยรับรู้มาก่อน


นอกจากนั้น สิ่งที่สะดุดตาในวัดใหญ่สุวรรณารามก็คือ สีของอาคารศาลาการเปรียญที่มีสีแดงค่อนข้างเข้มทำให้พบว่าสีที่เห็นนั้นเกิดการบูรณะที่ผิดพลาด ทำให้ปรากฏเป็นสีนี้ ซึ่งไม่แน่ใจว่าแท้จริงแล้วสีจริงๆเป็นสีที่มาจากวัสดุไม้สัก หรือเป็นสีที่ทาเคลือบอีกทีหนึ่ง


การบูรณะอาคารทางประวัติศาสตร์ :  พระราชวังมฤคทายวัน





จากที่ไปศึกษาดูงานที่พระราชวังมฤคทายวัน จ.เพชรบุรี ทำให้ได้เรียนรู้ถึงกระบวนการออกแบบ วิธีคิด วิธีการก่อสร้างและการบูรณะซ่อมแซมอาคาร โดยสรุปเป็นประเด็นหลักๆดังนี้
  •          การวางแนวอาคารและเส้นทางถนนโดยยึดแกนจากต้นไม้ดั้งเดิมที่มาอายุนับเกือบร้อยปี
  •         อาคารมีHIerachy ตามท้องพระโรง – ฝ่ายหน้า--- ฝ่ายใน
ผังพระราชวังมฤคทายวัน


  •  ระบบโครงสร้างเป็นแบบ modular system มีขนาดช่วงเสา 3 x3 เมตร และใช้เป็นเฟอโรคอนกรีต ทำให้เสามีความแข็งแรงและคนงทนมาได้จนถึงปัจจุบันนี้
  • การก่อสร้างรวดเร็วภายในไม่กี่เดือน นับเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก ที่กระบวนการก่อสร้างด้วยใช้ unit หนึ่งแล้วจัดทำในปริมาณมากๆ แล้วนำมาวาง เข้าเดือย สอดประสานกัน จนเกิดเป็นอาคารที่เห็นนี้
  •  การประดับตกแต่ง ในความจริงที่เราเข้าใจผิดว่ามันคือไทยประยุกต์ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นการออกแบบที่มาจากตะวันตกโดยสิ้นเชิง เนื่องจากสถาปนิกที่ออกแบบที่นี่เป็นชาวตะวันตก
  • การออกแบบโดยชาวต่างชาติ เทคนิคชาวจีน ช่างไทย ---ถือเป็นการร่วมมือกันสร้างพระราชวังแห่งนี้จากคนหลายเชื้อชาติ
  • Space ถึงแม้จะเป็นพระราชวัง แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่โอ่อ่าอลังการแบบในที่อื่นๆ แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นมิตร เนื่องด้วยระยะความสูงไม่ได้สูงมากนัก
  •  เทคนิคการเข้าไม้ มีเทคนิคที่น่าสนใจ โดยสิ่งที่เราประทับใจงานนี้ก็คือหลังคา ที่ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นการปูกระเบี้อง แต่แท้จริงแล้วเป็นไม้ทั้งแผ่นมาปู ทำให้ไม่มีรอยต่อของกระเบื้อง น้ำจึงไม่รั่วไหล
  • สี วิธีการค้นหาความจริงของเฉดสีที่ต้องขูดเนื้อไม้ลอกออกเป็นชั้นๆ จนเห็นชั้นเนื้อจริง
  • สี สีที่เห็นจากการบูรณะนี้เป็นสีที่เกิดจากความเข้าใจผิด เนื่องจากจริงๆแล้วเฉดสีที่เป็นจริงในอดีตนั้นมีสีที่หม่นกว่า



                     










ข้อคิดที่ได้ 
ในงานบูรณะอาคารโบราณสถานหรืออาคารที่ประวัติศาสตร์นั้นมีขั้นตอนการทำงานหลากหลายขั้นมาก ซึ่งในการค้นหาสิ่งที่พบอาจเป็นสิ่งที่ผิดจากอดีต ในความเข้าใจผิดนี้ เป็นเรื่องที่ทำให้คนที่มาชมก็เข้าใจผิดที่เรื่องราวในอดีตว่ามันคือสีนี้ไปด้วย ดังนั้นในการซ่อมแซม บูรณะอาคาร เราควรตระหนักว่า เรากำลังซ่อมแซมเพื่อให้เหมือนหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่เป็นอยู่ในอดีตหรือ เรากำลังค่อยๆทำลายร่องรอย พื้นที่สำคัญในอดีตกัน


ประเด็นที่สนใจเป็นพิเศษคือ...

การค้นหาสีของอาคาร

ตอนแรกสีของอาคารที่เคยเห็นเป็นสีที่มีความสดใส สีฟ้า เหลือง ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ได้มาเยี่ยมเยือนก็เป็นสีนี้ แต่เมื่อได้ฟังการบรรยายว่าแท้จริงแล้วสีที่พบจากการตรวจสอบด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์นั้น ไม่ใช่สีที่ได้ทำการทาลงไป แต่เป็นสีโทนเขียวหม่น เหลืองหม่น ทำให้ต้องมีการทาสีใหม่
                    
จากกรณีนี้ ทำให้เกิดความสนใจในเรื่องของสีดั้งเดิมของโบราณวัตถุ โบราณสถาน หรือสถาปัตยกรรมที่เกิดในยุคโบราณ จึงได้ไปค้นคว้าข้อมูลมาเพิ่มเติม

  หากสังเกตประติมากรรมสมัยกรีก โรมัน หรือที่ได้เล่าเรียนมานั้น สีทุกอย่างเป็นล้วนสีขาว หรือตามสีของวัสดุนั้นๆ เช่นทองเหลือง สำริด แต่สีนี้ใช่ความงามที่เกิดขึ้นในอดีตจริงๆหรือเปล่า

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ มาจากความเข้าใจผิดเนื่องในยุคสมัยเรเนอซองส์ที่ยังไม่ได้มีเทคโนโลยีหรือเครื่องมือในการตรวจสอบสีของวัตถุ ในสมัยนั้นเกิดการเข้าใจผิดที่ว่ารูปปั้นในสมัยกรีก โรมัน เป็นรูปปั้นที่ไม่มีสี เป็นสีที่มาจากวัสดุของชิ้นงาน แต่แท้จริงแล้วในอดีตนั้นก็มีการใช้สีหลากสีสันมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่เมื่อเวลาที่ผ่านไปทำให้สีที่ติดอยู่ย่อมมีการเสื่อมสลายหายไป ทำให้กลายเป็นไม่มีสี จิตรกร ศิลปินที่อยู่ในยุคฟื้นฟูศิลปะสมัยกรีกโรมัน หรือที่เรียกว่า เรเนอร์ซองส์ จึงเข้าใจในสิ่งที่เห็น แล้วสร้างผลงานที่เป็นสีโทนเดียว หรือสีจากวัสดุจริง จากหินอ่อนสีขาว ด้วยอุดมคติที่ว่าการสร้างงานจากความงามของวัสดุหินอ่อนสีขาว ดังนั้นงานที่เกิดขึ้นในสมัยเรเนอซองส์ รูปปั้นต่างๆจึงแกะสลักจากหินอ่อน ที่ปราศจากการปรุงแต่งทางสีสัน



 ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้จัดตั้งนิทรรศการหนึ่งที่มีชื่อว่า Gods in color เพื่อที่จะนำเสนอชิ้นงานทีในอดีต เปิดเผยถึงสีดั้งเดิม พลังและจิตวิณญาณแห่งอารรยธรรมในสมัยก่อน

การฉายแสงด้วยเทคนิค Raking light

 นิทรรศการนี้ได้ทำการล้างภาพจำเดิมของคนเรื่องงานศิลปะในอดีต ด้วยการนำผลงานมาสืบค้นด้วยเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ เช่น การฉายแสง ultra violet , raking light จึงพบถึงสี ลวดลายที่ปรากฏบนวัตถุนั้นๆ ว่าไม่ใช่เพียงแค่สีขาว แต่เป็นสีที่มีสีสันลวดลาย หลังจากนั้นจึงทำหุ่นจำลองชิ้นงานดั้งเดิมและลงสีตามสีที่ได้ค้นพบพิสูจน์แล้ว




 จากภาพจะเห็นได้ว่าภาพจำเดิมของเรามันคือสีขาว สีจากวัสดุ แต่ของจริงเป็นสิ่งที่มีสีสัน เสื้อผ้ามีลวดลายที่สื่อถึงอารยธรรมนั้นๆ สีที่มาจากรงควัตถุที่เกิดในท้องถิ่นนั้นๆ อาคารสถาปัตยกรรมอย่างพาเธนอนมีการทาสีที่ยอดจั่ว ยอดเสา สีของเสา caryatid เทพแต่ละองค์มีสีของชุดที่แตกต่างกันไป

สุดท้ายนี้ ในบางครั้งแนวคิด หลักการหรือความนิยมในรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งก็อาจเกิดจากความเข้าใจผิดในเรื่องราวของอดีต แต่เมื่อได้รับรู้ถึงความจริงแล้ว เราคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขมันได้ แต่เราควรจะเรียนรู้แล้วนำไปพัฒนา เกิดความรู้และแนวคิดใหม่ๆได้ดียิ่งขึ้น


ขอขอบคุณแหล่งอ้างอิงและรูปภาพจาก

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม